ข่าวการศึกษา


ครูเฮได้เวลาคืนสู่ห้องเรียน 19 วัน (เพิ่มขึ้น 25%) ภายใน 1 ปี เชื่อปี 59 คืนได้เวลาถึง 50%ครูเฮหน่วยงานขานรับ นโยบาย “คืนครูสู่ห้องเรียน” ได้เวลาคืนสู่ห้องเรียน 19 วันภายใน 1 ปี หนุนกระทรวงดันต่อเนื่อง “ลดภาระเอกสาร-ปรับเกณฑ์ประเมินโรงเรียน” เชื่อปี 59 คืนเวลาได้ถึง 50%

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่อาคารไอบีเอ็ม สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) จัดงานแถลงข่าว“เปิดผลสำรวจตารางชีวิตครูไทยใน 1 ปี” โดยดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้ทรงคุณวุฒิสสค. อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวว่า ผลสำรวจกิจกรรมภายนอกชั้นเรียนที่กระทบต่อการจัดการเรียนการสอนของครู ผ่านกลุ่มตัวอย่าง“ครูสอนดี”ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากทุกท้องถิ่นทุกสังกัด ทั่วประเทศ โดยมีอายุเฉลี่ยและวิทยะฐานะสูงกว่าครูทั่วไป จำนวน 319 คน ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างเดิมจากการเก็บข้อมูลในปี 2557 เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการเปรียบเทียบสถานการณ์ “กิจกรรมภายนอกชั้นเรียนที่กระทบต่อการจัดการเรียนการสอนของครู” เก็บข้อมูลด้วยวิธีสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ระหว่างวันที่ 26 ธ.ค.2558- 5 ม.ค.2559 พบว่า ในปี 2558 มีวันเปิดเรียน 200 วัน ครูต้องใช้เวลากับกิจกรรมนอกชั้นเรียนที่ไม่ใช่การสอน 65 วัน คิดเป็น 32.5% ซึ่งลดลงจากปี 2557 ที่ครูต้องใช้เวลาถึง 84 วัน เท่ากับว่าครูได้เวลาคืนสู่ห้องเรียนมากขึ้นถึง 19 วัน หรือคิดเป็นอัตราส่วนถึง 25 % เทียบกับปี 2557

ดร.อมรวิชช์ กล่าวว่า ปัจจัยที่สามารถคืนเวลาให้ครูได้ถึง 25% เทียบกับปี 2558 เกิดจากการดำเนินนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่สำคัญหลายเรื่อง เช่น การลดจำนวนวิชาที่ใช้สอบประเมินผู้เรียน การขอความร่วมมือสพฐ.ในการลดกิจกรรมประกวดแข่งขันและการอบรมครูลง นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่มีการดำเนินการไปแล้วแต่ยังรอให้เห็นผลกระทบต่อ เนื่อง ได้แก่ การปรับระบบการประเมินวิทยฐานะของครูและผู้บริหารที่เน้นผลสัมฤทธิ์ในการ พัฒนาผู้เรียนโดยไม่ผูกกับการแข่งขัน การได้รางวัล หรือการทำเอกสารวิชาการเป็นหลัก การปรับระบบการประเมินของสมศ. ตลอดจนการให้สพฐ.ลดการประเมินโรงเรียนในโครงการต่างๆที่ซ้ำซ้อนลง ซึ่งคาดว่าเมื่อมีการติดตามผลอีกครั้งในปี 2559นี้จะยิ่งเห็นผลชัดเจนขึ้น ซึ่งอาจคืนเวลาการสอนให้ครูเพิ่มขึ้นถึง 50% จึงเชื่อว่าทางกระทรวงจะผลักดันเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องตามข้อเสนอแนะจาก เพื่อนครู ทั้งนี้เวลาที่ได้คืนมานี้ควรมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์เรื่องการเตรียมการสอน และการพัฒนาขีดความสามารถของครูผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ เช่นระบบโค้ชชิ่ง เป็นต้น

นายอาคม สมพามา ครูสอนดี จ.ราชบุรี กล่าวว่า ตนเห็นสอดคล้องกันว่าในปีที่ผ่านมากิจกรรมการประเมินโรงเรียนซึ่งไม่ลดลงจาก ปี 2557 เนื่องจากการประเมินดังกล่าวถือเป็นรางวัลระดับชาติที่ครูและผู้บริหารสถาน ศึกษาสามารถนำไปใช้ยื่นประกอบวิทยฐานะได้ ซึ่งยังสร้างภาระงานให้กับครู อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเมื่อกระทรวงคืนครูสู่ห้องเรียนและได้ปลดล็อคให้ก.ค.ศ. ยกเลิกการใช้การรับรองรางวัลดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินวิทยฐานะ แล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมาโดยเปลี่ยนเป็นเน้นผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของผู้ เรียนแทนก็เชื่อว่าจะยิ่งเกิดผลดีในปีการศึกษานี้

ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ คณะกรรมการ สสค. กล่าวว่า นโยบายคืนครูสู่ห้องเรียนที่มาจากการรับฟังเสียงสะท้อนจากครูผู้ปฏิบัติงาน ในพื้นที่โดยตรง ทำให้แก้ปัญหาได้อย่างถูกจุดโดยสามารถคืนเวลาให้ครูกลับคืนสู่ห้องเรียนได้ ถึง 19 วัน ทั้งนี้รัฐบาลอาจต้องจริงจังกับการยกเลิกการประเมินโดยวัฒนธรรมเอกสารมาเน้น ที่ผลของผู้เรียน นอกจากนี้การที่ครูสะท้อนถึงกิจกรรมอื่นๆที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะดึงครูออกไปแข่งขันและเกิดประโยชน์กับผู้เรียนเฉพาะกลุ่มนั้น หากเป็นการทำกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนนอกห้องเรียนซึ่งจะ สอดคล้องกับนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ก็จะเกิดผลกับเด็กทุกกลุ่ม รวมถึงการฝึกอบรมที่ตรงกับความสนใจของครูและและนำไปใช้ได้จริง ซึ่งการแก้ปัญหาโดยรับฟังความเห็นจากผู้ปฏิบัติงานจริงเชื่อว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้าคะแนนคุณภาพและกระบวนการเรียนรู้ของเด็กไทยจะขยับขึ้น

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การศึกษา สสค. กล่าวว่า จากผลสำรวจการใช้เวลาของครู ในกลุ่มประเทศOECD 50 ประเทศพบว่า เวลาที่ใช้ในการสอนของครูในแต่ละประเทศมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 694 ชั่วโมงต่อปี หรือคิดเป็น 182 วัน โดยปัจจัยกำหนดเวลาที่ใช้ในการสอนที่สำคัญคือโครงสร้างหลักสูตรในแต่ละ ประเทศ ซึ่งพบว่า โดยเฉลี่ยแล้วครูมีเวลาสอนจริงเฉลี่ย 50% ใกล้เคียงกับประเทศไทย โดยกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนโดยตรง เท่ากับ 6.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์โดยเฉลี่ย คิดเป็น 34% ของเวลาสอนต่อสัปดาห์ของครู อย่างไรก็ตามข้อค้นพบที่น่าสนใจคือ การใช้เวลาของครูที่มีประสิทธิภาพการสอนที่ดี ครูจะใช้เวลาไปกับการเตรียมการสอนถึง 40% ของเวลาที่สอนจริง รวมถึงการใช้เวลาในการทำงานร่วมกับคณะครูในโรงเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนการส อน และเวลาในการพัฒนาตนเองของครู ดังนั้นจึงควรสนับสนุนกิจกรรมนอกห้องเรียนที่ส่งผลต่อการสอนมากขึ้น และลดภาระงานที่เป็นกิจกรรมอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ของเด็กลง
ข่าวจาก….http://www.kroobannok.com

 

Posted on มกราคม 15, 2016, in ข่าวประกาศ. Bookmark the permalink. ใส่ความเห็น.

ใส่ความเห็น